เคยคิดไหมว่า เช้าที่แสนสดใสนี้จะเป็นการลืมตาตื่นครั้งสุดท้าย
เพราะ ‘ความตาย’ เกิดขึ้นได้ทุกขณะและมักไม่มีสัญญาณเตือน
จึงไม่แปลก…ที่หลากคนรู้สึกกลัวความตาย กลัวการเปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งกลัวความเสื่อมถอย
ไม่แปลก…ที่เรายังคงยึดติด
นี่ของฉัน นี่ก็เคยเป็นของฉัน
อาจเป็นเพราะว่าจิตของเรายังไม่ได้รับการฝึกฝนให้ ‘เข้มแข็ง’
การฝึกครั้งนี้คือการซ้อมตาย เตรียมตัวจากไปอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น
หากวันนี้เราทำได้ เมื่อวันสุดท้ายมาเยือนจะไม่มีคำว่า ’เสียดาย’

มนทิรา : องค์ทะไลลามะที่ 14 ทรงบอกเล่าไว้ในหนังสือ ‘ชั่วขณะสุดท้ายแห่งชีวิต’ ว่าพระองค์ทรงฝึกที่จะตายทุกคืน ท่านเองก็ปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกัน
แม่ชีศันสนีย์ : เราคิดว่าถ้าเราเห็นว่าเกิด-ตายเป็นแพ็กเก็จเดียวกัน เราฝึกมันทุกขณะจิตเลย มันอาจจะไม่ได้ตลอดเวลา แต่ต้องฝึก มันเป็นศรัทธาของเราที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่มีปัจจุบันขณะ อย่างมองเห็นความเสื่อมได้ตลอด เห็นผมที่เคยดำขาวได้ เห็นผิวที่เคยสวยเหี่ยวได้ เห็นทุกอย่างที่เคยเป็นความสวยสดงดงามในปัจจุบันของเราไปสู่ความเสื่อมได้ คือถ้าเห็นความเสื่อมอยู่ตลอดเวลาก็เป็นการเตรียมตัวที่จะไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งนี้ว่าเป็น ‘ฉัน’, ‘ของฉัน’ นี่คือวิธีการที่จะฝึกอยู่ตลอดเวลา
ถ้ารู้ว่าคือวันสุดท้าย เราจะประมาทน้อยลง งมงายน้อยลง
มนทิรา : สำหรับคนที่ไม่ใช่นักบวช ควรฝึกที่จะเตรียมตัวตายอย่างมีสติอย่างไร
แม่ชีศันสนีย์ : คุณก็ต้องรู้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ คุณจะใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างประมาทน้อยลง งมงายน้อยลง
มนทิรา : คือให้คิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา
แม่ชีศันสนีย์ : เพราะเราตื่นขึ้นมาวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของเรา
วันคืนเคลื่อนไปเราทำอะไรอยู่ แม้แต่ราตรีเดียวก็น่าชมแล้วถ้าเราทำได้ แม้แต่ขณะจิตเดียวที่เรานึกถึงความตายได้แล้วไม่ประมาทในขณะจิตนี้ ก็น่าชมแล้ว-นี้คือคำพูดพระพุทธเจ้า
ถ้าฝึกอย่างนี้ เวลาคนมาสรรเสริญเราก็ไม่ฟู คนมานินทาเราก็ไม่เหวี่ยง เพราะมันไม่มีตัวตนที่เราจะต้องรองรับ มันก็มีแค่เกิด-ดับ เกิด-ดับ ชีวิตที่อยู่ก็ทรงพลัง ไม่ใช่คนที่เพิกเฉย ผัดวันประกันพรุ่ง อืดอาด มีนิวรณ์ มันก็จะคมชัด ดำรงอยู่อย่างไม่เร็ว รน รุ่งริ่ง
ค้นหาคำตอบของ ‘การตายแบบคืนลมหายใจ’ และ ‘ตายเสียก่อนตาย’ คลิก
บางส่วนจาก หนังสือ The Book of Truth
บทสนทนาว่าด้วย ความรัก ความจากพราก และความตาย
เรื่อง : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
สนทนา : มนทิรา จูฑะพุทธิ
