‘มะเร็งไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แล้วมะเร็งก็ไม่ใช่เรื่องที่โหดร้าย แต่การรักษามะเร็งโหดร้าย’
หากวันหนึ่งคุณลืมตาตื่นและพบว่าตนเองกำลังป่วยเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้ทั้งใจและระยะเวลาในการรักษา
นอกจาก ‘ยา’ ซึ่งต้องกินทุกวันอย่างปฏิเสธไม่ได้แล้ว
ความลับที่จะพาคุณก้าวผ่านสถานการณ์ ‘โหดร้าย’ ไปได้คืออะไร ?
ร่วมค้นหาคำตอบของชีวิตเพื่อพ้นทุกข์ ได้ตั้งแต่วินาทีนี้

ทำความรู้จัก ‘ลมหายใจ’ ทุกขณะ ตั้งแต่ลืมตาตื่น
แม่ชีศันสนีย์ : 8 นาทีแรกของการตื่นขึ้นมา เราจะนึกถึงการอาบรดร่างกายของเราด้วยลมหายใจแห่งสติ ภาวนา 4 -กายภาวนา ศีลภาวนา จิตภาวนา ปัญญาภาวนา อยู่กับลมหายใจ 8 นาทีแรก ด้วยอริยมรรคมีองค์ 8 แล้วเราก็พบว่า นึกถึงทีไรเราก็ยังอยู่บนมรรคภาวนาอยู่
พอถึงช่วงอาหารกลางวัน เราก็ทำแบบนี้อีก ภาวนากับการพิจารณากาย-ใจของเรา
พอ 5 โมงเย็น เราก็ทำแบบนี้อีก 8 นาที
สองทุ่ม พัก ก็ทำแบบนี้อีก 8 นาที
8X4 = 32 เราเจริญเมตตาให้กับเซลล์ของเรา ให้อวัยวะ 32 ของเราอยู่บนอริยมรรคมีองค์ 8 ทุกวัน
เป็นอัตโนมัติมั้ย เป็นอัตโนมัติ

เทคนิคอย่างนี้คนป่วยต้องทำ ต้องสอนให้คนป่วยทำ
แม่ชีศันสนีย์ : ไม่ต้องไปนั่งหลับตาทีละชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมง แล้วก็ออกมาบ่นปวดเมื่อย จะเป็นกุศลมั้ย
นี่ 8 นาทีสบายๆ เลย นั่งอยู่ตรงไหนก็ได้ อวัยวะ 32 ของเราได้รับการภาวนาตลอด
แต่เราไม่ได้ทำแค่นั้น ขณะที่พูดอยู่นี่เราก็ภาวนา หายใจเข้าเรารู้ว่ากายอยู่นี่ ใจอยู่นี่
เราก็ทำอยู่ในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แทบจะเรียกว่าภาวนา 4 สมบูรณ์
อยู่ในอิริยาบถไหนก็ได้ ไม่ต้องนั่งหลับตาก็ได้
แล้วเวลาที่เรามีเวลา เช่น เมื่อจะต้องใคร่ครวญงาน การตัดสินใจเรื่องงาน
เราก็เตรียมจิตก่อนที่จะตัดสินใจ มันก็ได้ภาวนาแล้ว
เวลาที่เราดีท็อกซ์ เราก็ภาวนา
สรุปแล้วเวลาไหนที่เราไม่ได้ภาวนา
มนทิรา : ไม่มี

‘ภาวนา’ คือความมหัศจรรย์ที่มาพร้อมพลังบวก
แม่ชีศันสนีย์ : มันไม่ได้เป็นการขีดกรอบเอาไว้ให้มันเครียดเลยนะ
แล้วก็ทำอย่างต่อเนื่อง ทีละนาที ทีละสองนาที ทีละสามนาที ไปแปดนาที ไปสิบนาที ก็ทำไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นความเผลอไผลมันจะน้อยมั้ย ประมาทมันก็น้อย นึกถึงทีไรก็ภาวนา
จะดื่มน้ำก็ภาวนากับน้ำ 3 จิบ
เพราะฉะนั้นเวลาที่พูดถึงภาวนา มันไม่มีอะไรเกินภาวนา 4 หรอก
แล้วถามว่าเราทำงานยังไง เราก็ทำงานอย่างมีฉันทะ กินอาหารเราก็ไม่เบื่อ
เพราะกินอย่างมีฉันทะ กินไปเถอะ ส้มโอ แตงโม ที่มีฤทธิ์เย็น อายุก็ยืน
ฉันทะคือความรักที่จะอ่อนโยนต่อร่างกายของเราเอง
แล้วเรายังอิทธิบาท 4 ด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ก็จะไม่เบื่อ
โห! อาหารแบบนี้ กินอีกแล้วเหรอ ไม่มี เพราะเราก็รู้ว่าอาหารคือยา
ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการ ‘บอกรักตัวเอง’
ต่อจากนี้เราหวังว่าคุณจะกำหนดลมหายใจและภาวนาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อใดที่หายใจเข้ารับรู้…หายใจออกก็รับรู้
เมื่อนั้นร่างกายย่อมได้รับการปลอบประโลม โรคที่ว่าร้าย ยาที่ว่าขม
หรือจะสู้ชีวิตที่ภาวนาทุกช่วงขณะ
บางส่วนจาก หนังสือ The Book of Truth
บทสนทนาว่าด้วย ความรัก ความจากพราก และความตาย
เรื่อง : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
สนทนา : มนทิรา จูฑะพุทธิ
