หากจะมีดินแดนที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าสวยงามราวสรวงสวรรค์อยู่บนโลกนี้ หย่าติง (Yading) เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งนั้น
เรื่อง : พิมพ์ภัสสร
ฉันได้ยินชื่อเสียงของหย่าติงมานานกว่าสิบปีแล้วจากนวนิยาย The Lost Horizon ของนักเขียนอเมริกัน James Hilton ที่กล่าวถึงดินแดนสุขสงบและแสนสวยงามที่เขาเรียกว่าแชงกรีลา โดยเชื่อกันว่าแชงกรีลานี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลเสฉวนติดกับทางตอนเหนือของมณฑลยูนนานในประเทศจีน ซึ่งก็น่าจะเป็นหย่าติงนั่นเอง โดยเจมส์ ฮิลตันได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายเรื่องนี้จาก Dr. Joseph Rock นักสำรวจและนักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายออสเตรียนผู้ค้นพบดินแดนอันสวยตะลึงแห่งนี้และได้ตีพิมพ์เรื่องราวที่เขาได้ค้นพบในนิตยสาร National Geographic ในปีค.ศ. 1931
ฉันเฝ้าแต่อยากไปสถานที่แห่งนี้มานานอย่างเงียบๆ และปล่อยเวลาผ่านมาหลายปี ด้วยเมื่อหาข้อมูลแล้วพบว่าการเดินทางเข้าถึงนั้นแสนยากลำบาก ถนนหนทางยังไม่สะดวกจนเมื่อการท่องเที่ยวในจีนเปิดกว้างมากขึ้น มีระบบสาธารณูปโภคที่ดีรองรับ ประกอบกับมีพี่ๆชวนโดยเราจัดกลุ่มไปกันเอง ฉันจึงไม่ลังเลและตอบตกลงไปทันที
ความฝันของฉันใกล้จะเป็นจริงแล้ว…

สวัสดีหย่าติง ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
เราออกเดินทางกันช่วงกลางเดือนตุลาคม เพราะหวังจะได้เห็นหย่าติงในช่วงที่สวยที่สุด นั่นคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โดยเราเลือกบินมาลงที่เฉินตู เดินทางเที่ยวหลายเมืองไต่ระดับความสูงขึ้นมาเรื่อยๆเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนจะถึงหย่าติงที่มีระดับความสูงถึง 3800+ เมตร
เรามาถึงเมืองแชงกรีลา (หรือเมืองยื่อหวา Riwa ในชื่อเดิม)ในช่วงบ่ายของวันที่ห้าของการเดินทาง นั่งรถบัสของอุทยานขึ้นเขาไปอีกราวครึ่งชั่วโมงเพราะเราต้องการไปพักในหมู่บ้านภายในอุทยาน เพื่อไม่ให้เสียเวลานั่งรถอุทยานเข้าออกกันทุกวัน เราค้างในอุทยานถึงสามคืนเพื่อจะใช้เวลาเต็มที่กับดินแดนในฝันที่สวยดั่งสวรรค์
“การเที่ยวในอุทยานหย่าติงที่นิยมกันมีอยู่สองเส้นทาง คือเส้นสั้นไปทะเลสาบไข่มุกและวัดชงกู่ ระยะทางไปกลับ 3 กม.จะเห็นเขาเซียนหน่ายรื่อหรือเขาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (Mt. Chenresig ความสูง 6,032 เมตร) ส่วนเส้นยาวไปทะเลสาบน้ำนมและทะเลสาบห้าสี ระยะทางไปกลับและขึ้นเขาราว 10 กม. จะเห็นเขาพระวัชรปาณีโพธิสัตว์หรือเซียนโหนวโตว๋จื่อ (Mt. Chanadorje) และพระมัญชูศรีโพธิสัตว์หรือหยางเหมยหย่ง (Mt. Jampelyang) ที่มีระดับความสูงเท่ากันคือ 5,958 เมตร โดยภูเขาทั้งสามแห่งนี้ตั้งทำมุมห่างจากกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทิเบตนับถือกันมานานนับพันปีและนิยมมาเดินโคราหรือเดินประทักษิณแสวงบุญรอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งนี้ด้วย”

ตื่นใจ-ใจตื่นกับบรรยากาศสวรรค์บนดิน
แน่นอน ฉันเริ่มวันแรกของการเดินโดยเดินเส้นทางสั้นก่อน ก็ระดับความสูงนั้นใช่เล่นเสียที่ไหน เริ่มจากลงรถบัสอุทยานไปตามทางเดินซึ่งถูกปูไว้อย่างดีด้วยเหล็ก แม้มีบันไดบ้างแต่ทางค่อนข้างราบ จึงเดินไปได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยนัก เมื่อเดินมาถึงวัดชงกู่ซึ่งสูง 3,900 เมตร ก็จะเห็นเขาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือเซียนหน่ายรื่อสูงตระหง่านเป็นฉากหลังของวัด ฉันขนลุกซู่และน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความปีติกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า

หลังจากไหว้พระแล้ว เราเดินไปตามทางเรื่อยๆจนถึงทะเลสาบไข่มุก หรือทะเลสาบที่ชาวทิเบตเปรียบว่าเป็นดั่งพระจิตของพระแม่ตาราที่สีเขียวมรกตของน้ำส่องประกายงดงามเรืองรองอยู่เบื้องล่างของเขาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรผู้มีพระเมตตากรุณาอันแผ่กว้างไพศาล เรานั่งพักกินกลางวันแบบข้าวห่อกันที่นี่ อิ่มใจกับบรรยากาศโดยรอบ
โอ… นี่ฉันนั่งอยู่ในสวรรค์หรือนี่กระไร


เวลาดำเนินไปอย่างเนิ่นช้า ช่วงบ่ายฉันใช้เวลาค่อยๆเดินชื่นชมธรรมชาติที่งดงามรอบตัวอย่างเป็นสุข ฉันอยู่กับตัวเองและธรรมชาติอย่างเงียบๆ เป็นความสุขสงบที่บรรยายไม่ถูกนอกจากทุกคนต้องมาค้นพบด้วยตัวเอง
ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจเราเอง
การได้อยู่กับธรรมชาติ ช่วยให้เราค้นพบใจตัวเองได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น
วันนี้จบวันด้วยความสุข ร่างกายฉันน่าจะปรับตัวได้พอสมควรในระดับความสูงเฉลี่ยเกือบสี่พันเมตรนี้ พนักงานโรงแรมมาวัดระดับออกซิเจนให้แขกทุกคนที่มาพัก ของฉันอยู่ในเกณฑ์ปกติ แปลว่าผ่าน พรุ่งนี้เตรียมเจอของจริง คืนนี้ข้างนอกนั้นแสนหนาว ฉันนอนซุกตัวใต้ผ้าห่มและเตียงอุ่นๆอย่างมีความสุขอบอุ่นใจ

เดินตามจังหวะหัวใจ ไกลแค่ไหนก็ไปถึง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันนั่งรถอุทยานและต่อรถกอล์ฟไปทุ่งหญ้าลั่วหรงตั้งแต่แปดโมงเช้า ใช้เวลานั่งรถร่วมครึ่งชั่วโมงเศษ อุณหภูมิ -4 หนาวมากๆชนิดที่ต้องสวมหมวก ถุงมือพร้อมปิดจมูก ปิดหูมิดชิดเต็มที่
เริ่มออกเดินจากจุดจอดรถกอล์ฟไปตามทางเดินไม้บอร์ด ซึ่ง ณ เวลานั้นน้ำค้างแข็งเกาะเต็มพื้นไม้กลายเป็นสีขาวโพลนและค่อนข้างลื่น ภาพของเขาหยางเหมยหย่งตัวแทนพระมัญชูศรี พระโพธิสัตว์แห่งปัญญางามสง่าอยู่เบื้องหน้า ฉันตะลึงกับสวรรค์ตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเจมส์ ฮิลตันถึงเรียกขานดินแดนในนวนิยายของเขาว่า ‘แชงกรีลา’
เว้นเสียแต่ระดับความสูงที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนที่มาจากที่ราบลุ่มอย่างฉัน หย่าติงคือสวรรค์บนพื้นพิภพ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต ที่บัดนี้เปิดโอกาสให้ผู้คนจากทั่วโลกรวมทั้งฉันได้ยลโฉมแล้ว หากมีทั้งกายและใจที่แข็งแรงพอ


วิวสวยตื่นตากับใจที่ประท้วงว่า ‘เหนื่อยแล้วนะ’
ในช่วงแรกๆ ฉันเดินไปเรื่อยๆอย่างสบายๆบนทางเดินที่ลัดเลาะผ่านทุ่งหญ้าลั่วหรง แม้ความสูงจะแตะ 4,100 เมตรแล้ว แต่ความสบายนั้นอยู่ได้ไม่นาน ฉันเริ่มต้องกลับมาดูลงหายใจของตัวเองบ่อยขึ้น เมื่อทางเริ่มเปลี่ยนเป็นไต่ระดับชันขึ้นๆขึ้นสู่เขาเบื้องหน้า ฉันเดินๆหยุดๆถี่ขึ้น พร้อมลมหายใจที่หอบเหนื่อย พักแต่ละครั้งเริ่มนานขึ้น ไม่อยากลุกเดินต่อแต่ก็ต้องเดินต่อไปเมื่อพอหายเหนื่อยบ้างแล้ว นี่เป็นเวลาที่ฉันได้อยู่กับลมหายใจตัวเอง และต้องฟังลมหายใจตัวเองอย่างแท้จริง รอบข้างฉัน วิวยังคงสวยงามน่าตื่นตะลึงแต่ฉันกลับเริ่มไม่สนใจแล้ว ฉันสนใจแต่ลมหายใจตัวเองในตอนนี้ แวะพักจิบน้ำเป็นระยะ เพราะรู้ว่าปอดและหัวใจกำลังต้องการออกซิเจนอย่างมาก ฉันหยิบออกซิเจนกระป๋องมาสูดดมเป็นระยะ บอกกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่าให้เดินล่วงหน้าไปก่อน ฉันเกรงใจ แต่จะค่อยๆเดินตามไป ตามจังหวะหัวใจของฉัน เวลาผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมง ฉันยังไม่ถึงจุดหมาย คือ ทะเลสาบน้ำนมที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง …


ระหว่างทาง มีน้ำตกที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งจนเกือบหมด ป่าเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทอง สวยงามมาก
เมื่อฉันเดินไต่บันไดโค้งชันจนถึงจุดที่คิดว่าน่าจะถึงที่หมายสักที ฉันกลับพบความว่างเปล่า หากเมื่อมองไปด้านขวาฉันพบเนินสูงชันอีกแห่งหนึ่งที่ผู้คนกำลังเดินไต่ขึ้นลงอยู่ ฉันบอกตัวเองว่าหากนั่นเป็นทางไปทะเลสาบน้ำนม ฉันคงไม่ไหวแล้ว หัวใจฉันแทบจะกระเด็นออกมากองนอกเสื้อแล้ว มันแต้นเร็วและแรงมากเสียจนฉันกลัวว่ามันจะหยุดเต้นเสียดื้อๆ ฉันบอกเพื่อนว่าไปกันก่อนเถอะ ฉันขอรออยู่ตรงนี้นะ

“ใจฉันฝ่อทันทีที่เห็นเนินเขาสูงชันนี้ บอกตัวเองในใจว่า สวรรค์อะไรฉันไม่อยากเห็นแล้ว ฉันเหนื่อยเหลือเกินอันที่จริงเส้นนี้คือทางไปทะเลสาบห้าสี ระดับความสูง 4,500 เมตรเศษ”

เดินถึงช้า แต่มาถึงนะ
ฉันค่อยๆเดินอย่างอ่อนระโหยไปตามทางข้างหน้า ใจนึกจะหาจุดนั่งพักเติมพลังสักหน่อยเพราะบ่ายโมงแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลยนอกจากน้ำเปล่า แต่เมื่อมองไปเห็นป้ายชี้ไปข้างหน้าว่าไปทะเลสาบน้ำนมอีก 1 กม. และเป็นทางราบ ใจฉันเริ่มฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เอาล่ะ งั้นนั่งกินแท่งธัญพืชกับอินทผาลัมเพิ่มพลังงานสักนิด แล้วออกเดินต่อ อีกหนึ่งชม.ถัดมาฉันจึงมาถึงทะเลสาบน้ำนมเป็นคนสุดท้ายของกลุ่มในเวลาบ่ายสองโมง !!!!



การเดินครั้งนี้สอนให้รู้ว่า…
ฉันนั่งพักเหนื่อย ถ่ายรูปกับเพื่อนๆได้เพียงครึ่งชั่วโมงก็ต้องเริ่มเดินกลับลงเขาแล้ว เพื่อนๆบางคนเดินไปทะเลสาบห้าสีกันต่อ ซึ่งอันที่จริงจากทะเลสาบน้ำนมมีทางเดินขึ้นอีกทางหนึ่งไปอีกราว 300 เมตรก็จะถึง แม้ทางดูไม่ชันเท่าทางขึ้นแรกที่เห็น แต่ฉันบอกตัวเองว่า ฉันพอแล้ว อิ่มใจแล้ว ฉันสงสารหัวใจและปอดของตัวเองที่ต้องทำงานหนักมากในวันนี้ และฉันได้มาถึงจุดหมายที่ฉันตั้งใจไว้แล้ว
ฉันเริ่มเดินลงเขากลับทางเดิม เงียบๆคนเดียว มีความสุขกับสิ่งรอบตัว ได้เห็นแพะภูเขาที่ออกมาหาหญ้ากินกันเป็นกลุ่มๆอย่างไม่กลัวผู้คน ก็ถิ่นของพวกเขานี่นะ ขาลงฉันมีแก่ใจที่จะถ่ายรูปช่วงทางชันๆเก็บไว้เป็นความทรงจำ พร้อมภาพสุดท้ายเป็นเขาหยางเหมยหย่งที่ขาวบริสุทธิ์สวยงาม ลงถึงพื้นล่างทันรถกอล์ฟคันสุดท้ายเวลาหกโมงเย็นพอดี

ลาก่อนนะ หย่าติง สวรรค์บนดินที่ต้องพร้อมทั้งแรงกายแรงใจ จึงจะไปถึง