มีคนบอกไว้ว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับคนเราก็คือ การคิดแต่เรื่องเลวร้ายเกี่ยวกับตนเอง
ฉันไม่ดีอย่างนั้น ฉันแย่อย่างนี้ แต่ที่ถูกแล้ว คนเราควรมีความคิดที่ดีกับตนเอง เห็นคุณค่า ชื่นชมและภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการมองตัวเองในทางที่ดีเป็นหลัก ไม่ใช่คนอื่นมาตัดสิน หรือประเมินว่าเราเป็นอย่างนั้น เราไม่เป็นอย่างนี้
ถ้าความเห็นที่คนอื่นบอกมากับความคาดหวังที่เรามีต่อตนเองใกล้เคียงกัน เราก็จะรู้สึกดีภูมิใจในตัวเองหรือเรียกว่า Self นั่นแหละ ทีนี้…ทำยังไงให้เรามั่นใจในตัวเองล่ะ ตามมาดูกัน!!!

หัดมองโลกในแง่ดี
บางคนเกิดมาเพียบพร้อมด้วยความสามารถ ในการมองหาข้อเสีย-ข้อด้อยทั้งของตัวเองและของคนอื่น พอเห็นข้อด้อยของคนอื่นก็รู้สึกแย่ว่า ทำไมไม่รู้จักปรับปรุงตัว ดูถูกและตำหนิเขา พอเห็นความยากของตัวเองก็เสียใจ ผิดหวัง ซึมเศร้าที่ทำไมเราเป็นแบบนี้
อย่ามัวถามตัวเองเลยว่าทำไม เพราะตอบอย่างไรก็ไม่โดนใจ ถามไปก็เสียเวลาเปล่า
ถ้าช่างสังเกตข้อเสียเก่งขนาดนี้ ลองเอาความสามารถที่มีอยู่มาสังเกตข้อดีบ้างดีไหม ทุกอย่างในโลกนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสียทั้งนั้นแหละ รถติดก็ดีจะได้อยู่นอกบ้านนานๆ แฟนทิ้งก็ดีจะได้มีโอกาสมองหาแฟนใหม่ จะมัวแต่มองหาข้อเสียให้เปลืองเวลา เปลืองใจเปลืองสมองไปทำไม สู้มองหาข้อดีให้สบายใจ สบายอารมณ์ไม่ดีกว่าหรือ
มองโลกในแง่ดีอาจดูเหมือนหลอกตัวเอง แต่รู้ไหมว่า… คนที่ฝึกมองโลกในแง่ดีจนชำนาญ จะสามารถมองทุกอย่าง ที่อยู่รอบตัวในมุมมองที่ดีได้ รวมทั้งสามารถมองตัวเองในมุมมองที่ได้ด้วย

เรามีคนเดียวในโลก
คนส่วนใหญ่พยายามมองหาความเหมือนกัน เพื่อจะบอกกับตัวเองว่า การเป็นพวกเดียวกันจะทำให้รักกัน และเป็น กลุ่มก้อน เช่น มาจากโรงเรียนเดียวกัน อยู่บ้านใกล้กัน เล่นเกมเดียวกัน ชอบนักร้องคนเดียวกัน
เคยไหม? เวลาทำตัวแตกต่างจากเพื่อนในกลุ่มจะทำให้เรารู้สึกแย่ เหมือนไม่มีพวก ทว่าความจริงคือต่อให้พยายามทำตัว ให้เหมือนคนอื่นอย่างไร ก็ไม่มีทางเหมือนได้ ขนาดฝาแฝดยังไม่เหมือนกันเลย ลองหลับตานึกดูสิว่า ถ้ามีคนเหมือนเราโผล่มาบนโลกใบนี้ แรกๆ คงตื่นเต้นแต่เดี๋ยวเดียวคงเซ็ง เพราะอาจจะไม่มีใคร จำเราได้ แต่ไปจำใครอีกคนหนึ่งซึ่งเหมือนเราแทน
แล้วตัวตนของเราล่ะ…จะอยู่ตรงไหน
เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลาเอาตัวเราไปเปรียบเทียบหรือเลียนแบบให้เหมือนใครเลย เพราะถึงอย่างไรก็ ไม่มีวันเหมือนกัน ไปได้ มาภูมิใจในตัวเองที่ไม่เหมือนใครจะดีกว่า

ทุกคนทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน
คนเราแตกต่างกันภายนอก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย หรือแตกต่างภายในทั้งนิสัยใจคอ มารยาท ความคิดความคาดหวัง เมื่อรวมกันแล้วจะเห็นว่าไม่มีใครเหมือนกันไปเสียทุกอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเราทุกคนมีเหมือนกันคือ ค่าความเป็นคน
ความเป็นคนเหมือนกัน ทำให้เราไม่ได้แตกต่างจากใครๆ เลย และคุณค่าของเราก็ไม่ได้ด้อยค่าหรือสูงกว่าใคร แต่เราทุกคนเท่ากันในคุณค่าของความเป็นคน

อย่าหยุดพัฒนาตนเอง
คนเราต้องตื่นตัวทางด้านร่างกายและจิตใจ ความคิด ความสามารถเพื่อจะได้ดูแลตัวเองได้ ตอนเด็กๆ พ่อแม่คอยดูแลเรา เมื่อโตขึ้นเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง และรู้จักแบ่งปันช่วยเหลือคนรอบข้างเมื่อมีโอกาส คนที่สามารถดูแลตัวเองได้ดี พึ่งพาคนอื่นได้น้อย แสดงว่าเป็นคนมั่นใจในตนเอง ยิ่งถ้าสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วยก็จะยิ่งมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้น
ถ้าเราฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง ถึงไม่มีใครเราก็ทำเองได้ แต่ถ้ามีเพื่อนมาช่วยก็ถือว่าเป็นกำไรง่ายๆ แค่นี้ ความมั่นใจ ก็เกิดขึ้นได้แล้ว

ลดความคาดหวัง
ตัวเราเองอาจไม่ดีพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็ดีพอ ที่จะทำให้คนอื่น อยากเป็นแบบเรา เพียงแค่นี้ก็น่าจะพอใจได้แล้ว แต่บางคนไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ รู้สึกว่ายังดีไม่พอเสียที พยายามผลักดันตัวเองให้เก่งและสมบูรณ์แบบมากขึ้น แต่ทำไปแค่ไหนก็ยังไม่สามารถชื่นชมตัวเองได้
อุปสรรคของคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เพราะขาดความมานะบากบั่น แต่คาดหวังกับตัวเองจนต้องแบกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังคาดหวังสูงเกินจะไขว่คว้า หรืออาจจะเป็นไปได้แต่ต้องและใช้เวลามากกว่าจะสำเร็จ
ถ้าคิดจะแบกความคาดหวังต่อไป ก็ต้องพร้อมเผชิญกับความรู้สึกว่าเรายังทำไม่ได้ เราไม่แน่จริง เรายังไม่เจ๋ง และถ้ารู้สึกแย่ขนาดนั้น ก็น่าจะลดความคาดหวังลงมาบ้าง แต่ถ้าชีวิตเราไม่มีความคาดหวังอะไรเลยก็คงจะเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะ
ดังนั้นควรมีความคาดหวังไว้บ้าง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้เธอพยามพัฒนาตัวเอง แต่ไม่ใช่มีความคาดหวังไว้เป็นโซ่ตรวนที่พันธนาการเราไว้กับความทุกข์ และความผิดหวังตลอดเวลา
บางส่วนจากหนังสือ RELATIONSHIP ME MYSELF AND OTHERS คู่มือสร้างความสัมพันธ์ฉบับวัยทีน
หนังสือเล่มที่ 4 ในโครงการ Project L
โครงการผลิตสื่อเพื่อการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาและทักษะชีวิตสำหรับเยาวชน
ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)